การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด
การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด
การจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย
(Inductive Method)
ความหมาย
การจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย คือ กระบวนการที่ผู้สอนสอนจากรายละเอียดปลีกย่อย
หรือจากส่วนย่อยไปหาส่วนใหญ่ หรือกฎเกณฑ์ หลักการ ข้อเท็จจริงหรือข้อสรุป โดยการนำเอาตัวอย่างข้อมูล เหตุการณ์ สถานการณ์หรือปรากฏการณ์
ที่มีหลักการแฝงอยู่มาให้ผู้เรียนศึกษา สังเกต ทดลอง
เปรียบเทียบหรือวิเคราะห์จนสามารถสรุปหลักการหรือกฎเกณฑ์ได้ด้วยตนเอง
วัตถุประสงค์
เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการสังเกต
การคิดวิเคราะห์
ทำให้เกิดการเรียนรู้และสามารถสรุปหรือค้นคว้าหลักการ กฎเกณฑ์ ประเด็นสำคัญหรือความจริงได้ด้วยตนเอง
องค์ประกอบสำคัญ
องค์ประกอบสำคัญของการจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยมีดังนี้ คือ
1 ตัวอย่างข้อมูล สถานการณ์ เหตุการณ์หรือปากฎการณ์
ที่เป็นลักษณะย่อยๆของหลักการ แนวคิด
ทฤษฎีที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
2 การวิเคราะห์ตัวอย่าง
ข้อมูล สถานการณ์ เหตุการณ์หรือปากฎการณ์ เพื่อสรุปเป็นหลักการ แนวคิด ทฤษฎี ร่วมกัน
3 การสรุปหลักการแนวคิดทฤษฎีที่ได้จากการวิเคราะห์
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยมีขั้นตอนสำคัญดังต่อไปนี้
1.
ขั้นเตรียมการ เป็นการเตรียมตัวผู้เรียน ทบทวนความรู้เดิมหรือปูพื้นฐานความรู้2. ขั้นเสนอตัวอย่าง เป็นขั้นที่ผู้สอนนำเสนอตัวอย่างข้อมูล
สถานการณ์ เหตุการณ์ปรากฏการณ์
หรือแนวคิดให้ผู้เรียนได้สังเกตลักษณะและคุณสมบัติของตัวอย่างเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบสรุปเป็นหลักการ แนวคิด หรือกฎเกณฑ์
ซึ่งการนำเสนอตัวอย่างควรเสนอหลายๆตัวอย่างให้มากพอที่ผู้เรียนสามารถสรุปเป็นหลักการหรือหลักเกณฑ์ต่างๆได้
3.
ขั้นเปรียบเทียบ เป็นขั้นที่ผู้เรียนทำการสังเกต
ค้นคว้า วิเคราะห์ รวบรวม เปรียบเทียบความคล้ายคลึงกันขององค์ประกอบในตัวอย่าง แยกแยะข้อแตกต่าง
มองเห็นความสัมพันธ์ในรายละเอียดที่เหมือนกัน ต่างกัน
ในขั้นนี้หากตัวอย่างที่ให้แก่ผู้เรียนเป็นตัวอย่างที่ดี ครอบคลุมลักษณะหรือคุณสมบัติสำคัญๆของหลักการ
ทฤษฎีก็ย่อมจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถศึกษาและวิเคราะห์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว แต่หากผู้เรียนไม่ประสบความสำเร็จ
ผู้สอนอาจให้ข้อมูลเพิ่มเติม
หรือใช้วิธีกระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิดค้นต่อไป
โดยการตั้งคำถามกระตุ้นแต่ไม่ควรให้ในลักษณะบอกคำตอบ
เพราะวิธีสอนนี้มุ่งให้ผู้เรียนได้คิด
ทำความเข้าใจด้วยตนเอง
ควรให้ผู้เรียนได้ร่วมกันคิดวิเคราะห์เป็นกลุ่มย่อย
เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
โดยเน้นให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วม
ในการอภิปรายกลุ่มอย่างทั่วถึง และผู้สอนไม่ควรรีบร้อนหรือเร่งเร้าผู้เรียนจนเกินไป
4.
ขั้นกฎเกณฑ์
เป็นการให้ผู้เรียนนำข้อสังเกตต่างๆ
จากตัวอย่างมาสรุปเป็นหลักการ
กฎเกณฑ์หรือนิยามด้วยตัวผู้เรียนเอง
5.
ขั้นนำไปใช้
ในขั้นนี้ผู้สอนจะเตรียมตัวอย่าง ข้อมูล สถานการณ์ เหตุการณ์ ปรากฎการณ์ หรือความคิดใหม่ๆ ที่หลากหลายมาให้ผู้เรียนใช้ในการฝึกความรู้
ข้อสรุปไปใช้ หรือ
ผู้สอนอาจให้โอกาสผู้เรียนช่วยกันยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของผู้เรียนเองเปรียบเทียบก็ได้ เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวัน และจะทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการทดสอบความเข้าใจของผู้เรียนว่าหลักการที่ได้รัยนั้น
สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาและทำแบบฝึกหัดได้หรือไม่หรือเป็นการประเมินว่าผู้เรียนได้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่นั่นเอง
ข้อดีและข้อจำกัด
ข้อดีและข้อจำกัดของการจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย
มีดังนี้
ข้อดี
1 เป็นวิธีการที่ทำให้ผู้เรียนสามารถค้นพบความรู้ด้วยตนเองทำให้เกิดความเข้าใจและจดจำได้นาน
2 เป็นวิธีการที่ฝึกให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการสังเกต คิดวิเคราะห์
เปรียบเทียบ ตามหลักตรรกศาสตร์และหลักวิทยาศาสตร์สรุปด้วยตนเองอย่างมีเหตุผลอันจะเป็นเครื่องมือสำคัญของการเรียนรู้ซึ่งใช้ได้ดีกับการสอนวิชาวิทยาศาสตร์
3 เป็นวิธีการที่ผู้เรียนได้ทั้งเนื้อหาความรู้และกระบวนการซึ่งผู้เรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้เรื่องอื่นๆได้
ข้อจำกัด
1 เป็นวิธีการที่ใช้เวลาค่อนข้างมากอาจทำให้เกิดความเบื่อหน่าย
2 เป็นวิธีการที่อาศัยตัวอย่างที่ดีและผู้สอนต้องเข้าใจเทคนิควิธีสอนแบบนี้อย่างดี ต้องมีการเตรียมการที่รัดกุม
ไม่ควรด่วนสรุปกฎเกณฑ์ต่างๆเสียเองจึงจะทำให้การสอนเกิดสัมฤทธิ์ผล
3 เป็นวิธีการที่อาศัยทักษะพื้นฐานในการคิดและการทำงานเป็นกลุ่มของผู้เรียน
หากผู้เรียนขาดทักษะต่างๆ
การสอนนี้อาจไม่เกิดสัมฤทธิ์ผลเท่าที่ควร